วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555
ทดสอบปลายภาค
1.แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา
ให้นักศึกษาอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า ใช้ Keywordว่า "แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา"ให้เขียนเชื่อมโยง
วิเคราะห์ลงในบล็อกของนักเรียน
แท็บเล็ต ( Tablet
) เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
พกพาง่าย น้ำาหนักเบา มีคีย์บอร์ด ( keyboard ) ในตัว
หน้าจอเป็นระบบสัมผัส ( Touch-screen )ปรับหมุนจอได้อัตโนมัติ
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่าคอมพิวเตอร์พกพาทั่วไป ระบบปฏิบัติการมีทั้งที่เป็น Android
IOSและ Windows ระบบการเชื่อมต่อสัญญาณเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีทั้งที่เป็น Wi-Fi และ Wi-Fi + 3G
ดังนั้นแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์กระดานชนวนก็คือ
แผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆโดยการเขียนซึ่งมีมานานแล้วในอดีต
แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่มีการปรับใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่
ซึ่งจะมีหลายบริษัทที่ได้ให้คานิยามหรือการเรียกชื่อที่แตกต่างกันออกไปเช่น
แท็บเล็ตพีซี ( Tablet PC ) ซึ่งมาจากคาว่า Tablet
Personal Computer และ แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ ( Tablet
) นอกจากนี้ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ( Tablet
PC ) นับได้ว่าเป็นสื่อกระแสหลักที่กาลังมาแรงในสังคมยุคออนไลน์หรือสังคมสารสนเทศระบบเปิดในปัจจุบัน
เป็นสื่อที่ถูกนามาใช้ประโยชน์ในทุกกลุ่มอาชีพรวมทั้งการศึกษาและการเรียนรู้ของผู้เรียนทุกระดับเนื่องมาจากสมรรถนะทางเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานจึงทาให้สื่อดังกล่าวมีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน
แม้แต่ในวงการศึกษาไทยที่ภาครัฐยังได้กำหนดและสนับสนุนการใช้ให้เกิดการเรียนรู้ในวงกว้างในปัจจุบัน
2.อ่านบทความเรื่องสมาคมอาเซียนอ่านบทความอย่างน้อย
3 บทความหรือมากกว่า ใช้ Keywordว่า
"สมาคมอาเซียน" ให้เขียนวิเคราะห์ ประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้าน
การเตรียมตัวเป็นครู นักเรียน นักศึกษา เพื่อไปสู่อาเซียนได้อย่างไร
ประชาคมอาเซียน หรือ
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) เป็นองค์กรระหว่างประเทศระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มีจุดเริ่มต้นโดยประเทศไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคม เมื่อ
เดือน ก.ค.2504 เพื่อการร่วมมือกันทาง เศรษฐกิจ
สังคมและวัฒนธรรม แต่ดำเนินการไปได้เพียง 2 ปี
ก็ต้องหยุดชะงักลง
เนื่องจากความผกผันทางการเมืองระหว่างประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย
จนเมื่อมีการฟื้นฟูสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
จึงได้มีการแสวงหาหนทางความร่วมมือกันอีกครั้งจนปัจจุบันมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ
วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งประชาคมอาเซียน
1. ส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางสังคมและวัฒนธรรม
2. ส่งเสริมการมีเสถียรภาพ สันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
3. ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิชาการ วิทยาศาสตร์ และด้านการบริหาร
4. ส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันในการฝึกอบรมและการวิจัย
5. ส่งเสริมความร่วมมือในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม การค้า การคมนาคม การสื่อสาร และปรับปรุงมาตรฐานการดำรงชีวิต
6. ส่งเสริมการมีหลักสูตรการศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
7. ส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรระดับภูมิภาคและองค์กรระหว่างประเทศ
1. ส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางสังคมและวัฒนธรรม
2. ส่งเสริมการมีเสถียรภาพ สันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
3. ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิชาการ วิทยาศาสตร์ และด้านการบริหาร
4. ส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันในการฝึกอบรมและการวิจัย
5. ส่งเสริมความร่วมมือในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม การค้า การคมนาคม การสื่อสาร และปรับปรุงมาตรฐานการดำรงชีวิต
6. ส่งเสริมการมีหลักสูตรการศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
7. ส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรระดับภูมิภาคและองค์กรระหว่างประเทศ
สำหรับประเทศไทยกับการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มอาเซียน
ก็จะช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจที่ขึ้น
มาการแลกเปลี่ยนกลไกทางการค้าระหว่างประเทศ
มีการแลกเปลี่ยนกันทางวัฒนธรรมและทางสังคม ส่งเสริมความมีสันติภาพและความมั่นคงต่อกัน
เมื่อประเทศมีความมั่นคงทำให้ประเทศอื่นมีความเชื่อมั่นและกล้าที่จะมาลงทุนในประเทศไทย
เมื่อมีประเทศอื่นเข้ามาลงทุนมาก็จะทำให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวดีขึ้น
สำหรับการเตรียมตัวเป็นครู นักเรียน นักศึกษา
คือ ก่อนอื่นเราจะต้องมีความรู้ความสามารถในเรื่องของภาษาเราจะต้องฝึกพูดภาษาที่ใช้กันในอาเซียนเพื่อที่จะได้เปรียบในการทำงาน
และครูจะต้องมีความรู้ ความสามารถ จะต้องเป็นคนที่รู้ลึก รู้จริง
เพราะต่อไปนี้พอมีอาเซียนเข้ามาจะมีบุคคลจากภายนอกเข้ามาทำงาน
เข้ามาเป็นคู่แข่งกับเรา ดังนั้นการเตรียมตัวก็ควรจะเตรียมตัวทั้งแต่แรกเริ่มเพื่อความสบายในวันข้างหน้า
3.อ่านบทความครูกับภาวะผู้นำของ
ผศ.ดร.สมาน คำฟูแสง ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับครู ให้ยกตัวอย่าง ประกอบ
แสดงความคิดเห็น บทความ ผศ.ดร.สมาน
คำฟูแสง
ผศ.ดร.สมาน ฟูแสง คณบดีคณะครุศาสตร์ ได้พูดถึงครูกับภาวะผู้นำทางวิชาการว่า
"การที่ครูมีความรู้ความสามารถและแสดงออกให้เห็นว่าเป็นผู้มีสมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอน เป็นที่ยอมรับของเพื่อนครู นักเรียน (นักศึกษา) และผู้ปกครอง จนทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมให้เกิดในองค์กรได้"
ผู้นำที่ดีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 4 ด้านคือ
ศรัทธา
ความไว้วางใจ
สร้างแรงบันดาลใจ
ยอมรับในความเป็นปัจเจกบุคคล
และได้พูดถึง "ครูกับภาวะผู้นำทางวิชาการ" โดยหยิบยกมาจาก Diann
De Pasquale ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้เสนอว่า
ครูที่จะเป็นผู้นำทางวิชาการ หรือผู้นำทางการเรียนการสอน ควรมีพฤติกรรม
7 ประการ คือ
1. หาหนังสือที่ติดอันดับขายที่ดีที่สุดมาอ่าน เพราะหนังสือที่ขายดีเป็นหนังสือที่มีความรู้มากมายและเป็นหนังสือที่ได้รับการยอมรับจากคนจำนวนมาก
2. อยู่กับปัจจุบัน /ทันสมัย คือ ครูจะต้องรู้เท่าทันเหตุการณ์ที่เป็นปัจจุบันเพื่อที่จะได้ปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับปัจจุบัน
3. หาข้อมูล มีความรู้ที่เกี่ยวกับเด็ก คือ การที่ครูมีความรู้เกี่ยวกับเด็กนักเรียนจะทำให้ครูสามารถเลือกรูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับเด็กได้ ถ้าครูรู้จักเด็กจะทำให้เด็กไม่รู้สึกเบื่อเมื่อถึงเวลาเรียนและอาจเป็นแรงจูงใจให้เด็กเข้าเรียนก็ได้
4. ทำให้เด็กแสดงออกซึ่งการเป็นภาวะผู้นำ คือ ในขณะที่จัดการเรียนการสอนครูควรกระตุ้นให้เด็กเกิดการตอบโต้กับครูบ้าง ในการจัดการเรียนการสอนทุกครั้งครูควรมีคำถามมาถามนักเรียนเสมอๆ
และควรจะถามนักเรียนให้ครบทุกคน
5. กำหนดให้เด็กทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม คือ ในเวลาเรียนครูควรส่งเสริมให้เด็กได้ทำงานเป็นกลุ่มกันบ้างเพราะการทำงานเป็นกลุ่มทำให้เด็กได้รู้จักการแก้ปัญหา และได้รู้จักการช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกัน และการทำงานเป็นกลุ่มจะทำให้เด็กมีภาวะผู้นำมากขึ้น
6. เชิญบุคคลภายนอกมาพูดให้เด็กฟัง คือ บางครั้งเมื่อเด็กเรียนกับครูมากเกินไปอาจทำให้เด็กเกิดอาการเบื่อ ต้องให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ครูมาสอนบ้าง หรือไม่ก็พาเด็กไปนอกสถานที่บ้าง
7. ท้าทายให้เด็กได้คิด คือ ในการจัดการเรียนการสอนทุกครั้งครูควรมีคำถามที่ที่ท้าทายความรู้เด็กเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิด
4.ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นและประเมินวิชานี้ว่า
การเรียนรู้โดยใช้บล็อก นักศึกษามีวิธีการเรียนรู้อย่างไร
แสดงความคิดเห็นหากจะเรียนรู้โดยใช้บล็อก ต่อไปข้างหน้าโอกาสจะเป็นอย่างไร
ควรที่จะให้คะแนนวิชานี้อย่างไร และหากนักเรียนต้องการจะได้เกรดในวิชานี้
นักเรียนจะต้องพิจารณาว่า
4.1 ตนเองมีความพยายามมากน้อยเพียงใด
4.2 เข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดเรียน
4.3 ทำงานส่งผ่านบล็อกตามกำหนดทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
4.4 ทำงานบทบล็อกด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
4.5.สิ่งที่นักเรียนตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง เขียนอธิบายลงในบล็อก
4.6.อาจารย์จะพิจารณาจากผลงานและความตั้งใจ ความสื่อสัตย์ตนเอง และบอกเกรดว่าควรจะได้เท่าไร
4.1 ตนเองมีความพยายามมากน้อยเพียงใด
4.2 เข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดเรียน
4.3 ทำงานส่งผ่านบล็อกตามกำหนดทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
4.4 ทำงานบทบล็อกด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
4.5.สิ่งที่นักเรียนตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง เขียนอธิบายลงในบล็อก
4.6.อาจารย์จะพิจารณาจากผลงานและความตั้งใจ ความสื่อสัตย์ตนเอง และบอกเกรดว่าควรจะได้เท่าไร
แสดงความคิดเห็น
ดิฉันคิดว่าการเรียนรู้โดยการใช้บล็อกมีประโยชน์มากเพราะการใช้บล็อกในการทำงานเป็นสิ่งที่ง่ายอยู่กับเราได้นานและมีประโยชน์กับตนเองทั้งปัจจุบันและในอนาคต
เพราะเราสามารถศึกษาค้นคว้าเมื่อไรก็ได้
สำหรับการเรียนรู้ของตัวดิฉันเองก็สามารถเรียนรู้ได้ง่ายเพราะสิ่งที่เราอยากรู้หรือสิ่งที่เราอยากให้คนอื่นรู้จากเรา
เราก็สามารถศึกษาหรือให้ข้อมูลผ่านทางบล็อกได้เลย
ถ้าอนาคตมีการเรียนรู้โดยใช้บล็อกดิฉันคิดว่ามันคงดีมากและสะดวก
สบายและในการใช้บล็อกมีประโยชน์ทั้งตัวเราและคนอื่น
ส่วนในการพิจารณาในการได้คะแนนในวิชานี้เราต้องมีความพยายามมากเพราะในการทำทุกครั้งต้องให้งานออกมาดี
หรือออกมาอย่างถูกต้องและสมบรูณ์ และในการเข้าเรียนนั้นก็เข้าเรียนทุกครั้งแต่ถ้าจะไม่มาเรียนหรือติดธุระต้องสำคัญจริงๆเพราะวิชานี้เป็นวิชาที่สำคัญกับตัวเราในอนาคต
งานทุกชิ้นที่อาจารย์สั่งก็ต้องส่งให้ครบ ในความคิดเห็นของดิฉันในการทำงานบนบล็อกแต่ละครั้งมันก็มีอุปสรรคมากอยากทำงานให้เสร็จแต่ดันไม่มีสัญญาณเน็ต
ลำบากมากเลยเวลาสัญญาณเน็ตเข้าไม่ได้เพราะมันทำให้เราทำงานไม่ได้เพราะงานทุกชิ้นต้องใช้สัญญาณเน็ตในการทำงานบนบล็อก
ถ้าถามว่าดิฉันอยากได้เกรดอะไรวิชานี้ดิฉันอยากได้ Aเพราะงานทุกชิ้นดิฉันตั้งใจทำมากและวิชานี้เป็นวิชาสำคัญมากสำหรับตัวดิฉันเอง
วิชานี้สามารถทำให้ดิฉันเรียนรู้อะไรที่ดิฉันไม่เคยรู้
และทำบล็อกเป็นจากที่ไม่รู้จักมาก่อนว่าบล็อกมีหน้าตาเป็นอย่างไร
ดิฉันดีใจที่มีบล็อกเป็นของตนเองถึงมันจะมีอุปสรรคในการทำงานในแต่ละครั้งก็ตาม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)